วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มาตราฐานของ wireless Lan

มาตราฐานของ wireless Lan
            IEEE 802.3 หรือ อีเทอร์เน็ต (Ethernet) เป็นเครือข่ายที่มีความเร็วสูงการส่งข้อมูล 10 เมกะบิตต่อวินาที สถานีในเครือข่ายอาจมีโทโปโลยีแบบบัสหรือแบบดาว IEEE ได้กำหนดมาตรฐานอีเทอร์เน็ตซึ่งทำงานที่ความเร็ว 10 เมกะบิตต่อวินาทีไว้หลายประเภทตามชนิดสายสัญญาณเช่น
             • 10Base5 อีเทอร์เน็ตโทโปโลยีแบบบัสซึ่งใช้สายโคแอกเชียลแบบหนา (Thick Ethernet) ความยาวของสายในเซกเมนต์หนึ่ง ๆ ไม่เกิน 500 เมตร   
             • 10Base2 อีเทอร์เน็ตโทโปโลยีแบบบัสซึ่งใช้สายโคแอ๊กเชียลแบบบาง (Thin Ethernet) ความยาวของสายในเซกเมนต์หนึ่ง ๆ ไม่เกิน 185 เมตร 
             • 10BaseT อีเทอร์เน็ตโทโปโลยีแบบดาวซึ่งใช้ฮับเป็นศูนย์กลาง สถานีและฮับเชื่อมด้วยสายยูทีพี (Unshield Twisted Pair) ด้วยความยาวไม่เกิน 100 เมตร
            ลักษณะเครือข่ายอีเทอร์เน็ตแยกตามประเภทของสายสัญญาณ รหัสขึ้นต้นด้วย 10 หมายถึงความเร็วสายสัญญาณ 10 เมกะบิตต่อวินาที คำว่า “Base” หมายถึงสัญญาณชนิด “Base” รหัสถัดมาหากเป็นตัวเลขหมายถึงความยาวสายต่อเซกเมนต์ในหน่วยหนึ่งร้อยเมตร (5=500, 2 แทนค่า 185) หากเป็นอักษรจะหมายถึงชนิดของสาย เช่น T คือ Twisted pair หรือ F คือ Fiber opticsส่วนมาตรฐานอีเทอร์เน็ตความเร็ว 100 เมกกะบิตต่อวินาทีที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่ 100BaseTX และ 100BaseFX สำหรับอีเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบกิกะบิตอีเทอร์เน็ตเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ตัวอย่างของมาตรฐานกิกะบิตอีเทอร์เน็ตในปัจจุบันได้แก่ 100BaseT, 100BaseLX และ 100BaseSX เป็นต้น
มาตรฐาน  IEEE 802.5
            เป็นมาตรฐานโปรโตคอลแบบ Token  Passing ของเครือข่าย LANแบบ  Token – Ring  สายสื่อสารมาตรฐาน  IEEE 802.5 คือ สายเกลียวคู่แบบมีชีลด์ซึ่งมี  อัตราเร็วของการส่งข้อมูลคือ  และ  4  Mbps  สำหรับเครือข่าย LAN แบบ Token – Ring  และยังมีอีกหนึ่งมาตรฐานที่ใช้ร่วมกันคือมาตรฐานของ  IBM  ซึ่งมีสายสื่อสารให้เลือก 2แบบ  คือ สายเกลียวคู่แบบไม่มีชีลด์  อัตราเร็ว  1 และ 4 Mbpsและสายเกลียวคู่แบบมีชีลด์  อัตราเร็ว16 Mbps
มาตรฐานเครือข่ายไร้สาย  IEEE 802.11         
            เครือข่ายไร้สายมาตรฐาน  IEEE 805.11 ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี  พ.. 2540 โดยสถาบัน  IEEE (The  Institute  of  Electronics  and  Electrical  Engineers) ซึ่งมีข้อกำหนดระบุไว้ว่าผลิตภัณฑ์เครือข่ายไร้สายในส่วนของ  PHY  Layer  นั้นมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลที่ความเร็ว  1,2,5.5,11 และ  54 เมกะบิตต่อวินาที  โดยมีสื่อนำสัญญาณ  ประเภทให้เลือกใช้งานอันได้แก่  คลื่นวิทยุย่านความถี่  2.4  กิกะเฮิรตซ์, 2.5 กิกะเฮิรตซ์และคลื่นอินฟาเรด  ส่วนในระดับชั้น  MAC  Layer  นั้นได้กำหนดกลไกของการทำงานแบบ   CSMA/CA  (Carrier  Sense  Multiple  Access/Collision  Avoidance) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ  CSMA/CD  (Collision  Detection) ของมาตรฐาน  IEEE 802.3 Ethernet  ซึ่งนิยมใช้งานบนระบบเครือข่ายแลนใช้สาย  โดยมีกลไกในการเข้ารหัสข้อมูลก่อนแพร่กระจายสัญญาณไปบนอากาศ  พร้อมกับมีการตรวจสอบผู้ใช้งานอีกด้วย      
IEEE 802.11a  
            เป็นมาตรฐานที่ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่เมื่อปี พ.. 2542  โดยใช้เทคโนโลยี  OFDM (Orthogonal  Frequency  Division  Multiplexing) เพื่อพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ไร้สายมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยอัตราความเร็วสูงสุด  54  เมกะบิตต่อวินาที  โดยใช้คลื่นวิทยุย่านความถี่  กิกะเฮิรตซ์  ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานโดยทั่วไปในประเทศไทย  เนื่องจากสงวนไว้สำหรับกิจการทางด้านดาวเทียม  ข้อเสียของผลิตภัณฑ์มาตรฐาน  IEEE 802.11a  ก็คือมีรัศมีการใช้งานในระยะสั้นและมีราคาแพง  ดังนั้นผลิตภัณฑ์ไร้สายมาตรฐาน  IEEE 802.11a  จึงได้รับความนิยมน้อย
IEEE 802.11b
            เป็นมาตรฐานที่ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ออกมาพร้อมกับมาตรฐาน  IEEE 802.11a  เมื่อปี พ.. 2542  ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและได้รับความนิยมในการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด  ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาให้รองรับมาตรฐาน  IEEE 802.11b  ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า  CCK  (Complimentary  Code  Keying) ร่วมกับเทคโนโลยี  DSSS  (Direct  Sequence  Spread  Spectrum) เพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ด้วยอัตราความเร็วสูงสุดที่  11  เมกะบิตต่อวินาที  โดยใช้คลื่นสัญญาณวิทยุย่านความถี่  2.4  กิกะเฮิรตซ์  ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่อนุญาตให้ใช้งานในแบบสาธารณะทางด้านวิทยาศาสตร์  อุตสาหกรรม  และการแพทย์  โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ความถี่ย่านนี้มีชนิด  ทั้งผลิตภัณฑ์ที่รองรับเทคโนโลยี  Bluetooth, โทรศัพท์ไร้สายและเตาไมโครเวฟ  จึงทำให้การใช้งานนั้นมีปัญหาในเรื่องของสัญญาณรบกวนของผลิตภัณฑ์เหล่านี้
ข้อดีของมาตรฐาน  IEEE 802.11b   
            ก็คือ สนับสนุนการใช้งานเป็นบริเวณกว้างกว่ามาตรฐาน  IEEE 802.11a  ผลิตภัณฑ์มาตรฐาน  IEEE 802.11b  เป็นที่รู้จักในเครื่องหมายการค้า  Wi – Fi ซึ่งกำหนดขึ้นโดย  WECA  (Wireless  Ethernet  Compatability  Alliance) โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับเครื่องหมาย  Wi – Fi  ได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐาน IEEE 802.11b  ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันกับผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตรายอื่น ๆ ได้   
IEEE 802.11g  
            เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้งานกันมากในปัจจุบันและได้เข้ามาทดแทนผลิตภัณฑ์ที่รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11b  เนื่องจากสนับสนุนอัตราความเร็วของการรับส่งข้อมูลในระดับ  54  เมกะบิตต่อวินาที  โดยใช้เทคโนโลยี  OFDM  บนคลื่นสัญญาณวิทยุย่านความถี่  2.4  กิกะเฮิรตซ์  และให้รัศมีการทำงานที่มากกว่า  IEEE 802.11a   พร้อมความสามารถในการใช้งานร่วมกันกับมาตรฐาน  IEEE 802.11b  ได้ (Backward - Compatible)  
IEEE 802.11n        
 เป็นมาตรฐานของผลิตภัณฑ์เครือข่ายไร้สายที่คาดหมายกันว่า จะเข้ามาแทนที่มาตรฐาน IEEE 802.11a, IEEE 802.11b และ IEEE 802.11g ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน โดยให้อัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลในระดับ 100 เมกะบิตต่อวินาที

มาตรฐาน
ความถี่คลื่นวิทยุ 
 ความเร็วสูงสุด
 ระยะการทำงาน
 IEEE 802.11a
 5 GHz.
 54 Mbps
 50 เมตร
 IEEE 802.11b
 2.4 GHz.
 11 Mbps
 100 เมตร
 IEEE 802.11g
 2.4 GHz.
 54 Mbps
 100 เมตร

                                   ที่มา http://www.dol.go.th/it/index.php
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น